วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การทำน้ำยาถูพื้นจากมะกรูดและสับประรด

บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการทำน้ำยาถูพื้น จากพืชสมุนไพรในครัวเรือนที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่นเพื่อลดค้าใช้จ่ายของประชาชนเพราะเนื่องจากปัจจุบัน สินค้ามีราคาแพงทำให้มีค้าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสูงตามไปอีกด้วย   และเนื่องจากอยากลดค้าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเราก็ควรทำสินค้าขึ้นใช้เอง เช่น น้ำยาถูพื้นที่ทางคณะผู้จัดทำได้คิดและทดลองทำ และน้ำยาถูพื้นที่ได้จากธรรมชาติก็จะไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และไม่เป็นอันตรายต่อผิว
           กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่2/4 จำนวน 10 ได้โดยการเลือก เครื่องมือที่ใช้ประกอบคือแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการสอบถามสมาชิกห้อง
          ผลการศึกษาพบว่า  น้ำยาถูพื้นจากมะกรูดและสับปะรด สามารถใช้เป็นน้ำยาเอนกประสงค์ได้เพราะได้มาจากวัสดุธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายและมีประสิทธิภาพทำความสะอาดได้ดี















กิตติกรรมประกาศ
ปัจจุบันประชาชนประสบปัญหาสินค้าวัตถุราคาแพง ได้กลายเป็นปัญหาที่สําคัญของประเทศ ดังนั้นคณะผู้จัดทําโครงงานจึงได้คิดโครงงาน น้ำยาถูพื้นจากมะกรูดและสับปะรดเพื่อช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือนได้ส่วนหนึ่งทางคณะผู้จัดทำก็ขอขอบคุณ อาจารย์ รัตนา    นวีภาพ ที่เป็นครูที่ปรึกษารายวิชาการสื่อสารและการนำเสนอ(IS)ที่คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแนะนำ    จนรายการนี้สำเร็จได้ด้วยดี        ซึ่งคณะผู้จัดทำรู้สึกซาบซึ้งและเป็นพระคุณอย่างยิ่ง จึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ทางคณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณ ท่านผู้ปกครอง ของคณะผู้จัดทำ ที่ได้กรุณาให้แนวคิดต่างๆข้อแนะนำหลายประการทำให้งานการศึกษาค้นคว้าฉบับนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและขอขอบคุณทุกท่านที่ไม่ได้กล่าวถึงและให้คำปรึกษาเสมอมา


















คำนำ
            โครงงานฉบับนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันโดยการนำพืชสมุนไพรในครัวเรือนที่หาได้ตามท้องถิ่นทำน้ำยาถูพื้นที่มีประสิทธิภาพในการชำระสิ่งสกปรก    พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติของมะกรูด และสับปะรดมาช่วยเพิ่มกลิ่นและประสิทธิภาพในการชำระสิ่งสกปรก
หวังว่า โครงงานเล่มนี้คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ถ้าหากรายงานเล่มนี้ผิดพลาดประการใด
ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย









คณะผู้จัดทำ



บทที่1
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
                          มะกรูดเป็นสมุนไพรที่ใช้ในครัวเรือนและยังเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่าย มีประโยชน์มากมายทั้งในเรื่องของเครื่องเทศและยาสมุนไพรต่างๆ และยังสามารถนำไปใช้ประกอบอาหารและดับกลิ่นคาวของอาหารได้ นำไปเป็นยารักษาโรคและยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของ แชมพู สบู่ หรือน้ำยาถูพื้นได้อีกด้วย ทางคณะผู้จัดทำจึงได้นำมะกรูดและสับประรดมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับน้ำยาถูพื้นให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
                           เนื่องจากปัจจุบันในประเทศไทยได้เกิดวิกฤตวัตถุสินค้าราคาแพง ทำให้ทางคณะผู้จัดทำได้คิดวิธีประหยัดในการใช้จ่ายสินค้าในชีวิตประจำวัน คือน้ำยาถูพื้น ซึ่งทางคณะผู้จัดทำได้ช่วยกันคิดค้นหาวิธีการทำ และนำมาทดลองทำน้ำยาถูพื้นและพัฒนาปรับปรุงงสูตรในการทำน้ำยาถูพื้น โดยใช้มะกรูดและสับประรดเพื่อใช้ทำความสะอาดพื้นโดยปลอดจากสารเคมี เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมะกรูดมีกลิ่นหอมและยังสามารถหาได้ง่ายตามครัวเรือน ทำให้ปรัดค่าใช้จ่ายไปในตัว
                           ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าฉบับนี้จึงมุ่งศึกษาวิธีการทำน้ำยาถูพื้นจากสมุนไพรและผลไม้ เพื่อนำประโยชน์หรือสรรพคุณมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และทำความสะอาดได้ดียิ่งขึ้นและเพื่อให้ผู้อื่นได้ศึกษาอีกต่อไป
จุดมุ่งหมายของการศึกษา
1.             เพื่อศึกษาการทดลองทำน้ำยาถูพื้นจากมะกรูดและสับประรด
2.             เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของน้ำยาถูพื้น
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.             ได้น้ำยาถูพื้นที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2.             เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตามแนวทางการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาในครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งเนื้อหาของเอกสารงานวิจัยออกเป็นหัวข้อต่างๆดังนี้
1.น้ำยาถูพื้นหรือน้ำยาเอนกประสงค์
                                1. ความหมายของน้ำยาถูพื้นหรือน้ำยาเอนกประสงค์
2.พืชสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
3.วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำน้ำยาถูพื้น
                                4.สูตรการทำน้ำยาถูพื้นหรือน้ำยาเอนกประสงค์
                                5.พืชสมุนไพรที่ไม่ทำอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
6.ประโยชน์ที่ได้รับการการทำผลิตภัณฑ์

1.            ความหมายของน้ำยาถูพื้นหรือน้ำยาเอนกประสงค์
น้ำยาเอนกประสงค์เป็นน้ำยาทำความสะอาดที่ประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ(น้ำหมักผลไม้) และสารเคมี (สารชำระล้าง N70 ,เกลือ Sodium Choride-NaCI),น้ำเปล่า –H2O)ใช้ได้ทั้งล้างจาน ซักผ้า ล้างรถ ขัดห้องน้ำ ถูบ้าน ล้างเช็ดทำความสะอาด อุปกรณ์ที่ทำจากโลหะหรืออโลหะ ข้อดีคือค่อนข้างจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมีจุลินทรีย์ชนิดดีจากน้ำหมึกผลไม้รสเปรี้ยว เป็นตัวย่อยสะลาย เช่น สับปะรด ซึ่งช่วยขจัดสิ่งสกปรกทั้งสารเคมี สีและกลิ่นที่เกิดจากจุลินทรีย์ชนิดไม่ดี เช่น ถ้านำไปซักผ้าจะช่วยป้องกันเชื้อราได้ ขัดห้องน้ำก็จะช่วยกำจัดกลิ่นได้ น้ำที่เหลือจากล้างจานหรือซักผ้า ก็ยังสามารถนำไปรดน้ำต้นไม้ได้ ช่วยย่อยสารอาหารให้ดินให้เป็นปุ๋ยต่อไปได้อีก นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตถือว่าต่ำมาก  สามารถใช้ทำเองได้อย่างง่ายและรวดเร็ว

2. พืชสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
                      2.1 มะกรูด
เป็นพืชในสกุลส้ม (Citrus) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กเป็นไม้เนื้อแข็ง ลำต้นและกิ่งมีหนามยาวเล็กน้อยใบเป็นใบประกอบชนิดลดรูป มีใบย่อย 1 ใบ เรียงสลับ รูปไข่ คือมีลักษณะคล้ายกับใบไม้ 2 ใบ ต่อกันอยู่คอดกิ่วที่กลางใบเป็นตอนๆ มีก้านแผ่ออกใหญ่เท่ากับแผ่นใบ ทำให้เห็นใบเป็น 2 ตอนกว้าง 2.5-4 เซนติเมตร ยาว 4-7 เซนติเมตร ใบสีเขียวแก่พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ค่อนข้างหนามีกลิ่นหอมมากเพราะมีต่อมน้ำมันอยู่ ใบด้านบนสีเข้มใต้ใบสีอ่อน ดอกออกเป็นกระจุก 3 – 5 ดอก กลีบดอกสีขาว เกสรสีเหลือง ร่วงง่ายมีกลิ่นหอม มีผลสีเขียวเข้มคล้ายมะนาวผิวเปลือกนอกขรุขระ ขั้วหัวท้ายของผลเป็นจุกผลอ่อนมีเป็นสีเขียวแก่ เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด พันธุ์ที่มีผลเล็กผิวจะขรุขระน้อยกว่าและไม่มีจุกที่ขั้ว ภายในมีเมล็ดจำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมใช้ใบมะกรูดและผิวมะกรูดเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องปรุงอาหารหลายชนิด นอกจากในประเทศไทยและลาวแล้วยังมีความนิยมในกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย (โดยเฉพาะบาหลี)

ชื่อสามัญ :Porcupine Orange, Kiffir Lime, Leech Lime
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Citrus hystrix DC.
วงศ์ : Rutaceae
ชื่อท้องถิ่น :มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ) มะหูด (หนองคาย) ส้มกรูด ส้มมั่วผี (ภาคใต้) โกรยเซียด (เขมร) มะขู (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน)





                     2.2 สับปะรด
ชื่อสามัญPineapple (ถ้าเป็นพายสับปะรดจะใช้คำว่า Pineapple Pie)
สับปะรด ชื่อวิทยาศาสตร์Ananascomosus (L.) Merr.จัดอยู่ในวงศ์สับปะรด (BROMELIACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อย BROMELIOIDEAE
สับปะรด มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า มะนัด มะขะนัด บ่อนัด (ภาคเหนือ), บักนัด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), ย่านัด ขนุนทอง (ภาคใต้) เป็นต้น
สับปะรด มีต้นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ มีความ ทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆได้ดี และจัดว่าเป็นผลไม้เศรษฐกิจของบ้านเราด้วย แหล่งปลูกที่สำคัญ ๆมักจะอยู่ใกล้ ๆทะเล เช่น ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี หรืออุตรดิตถ์ ลำปาง พิษณุโลก เป็นต้น สำหรับพันธุ์ที่นิยมปลูกในบ้านเราก็มีหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปัตตาเวีย (สัปปะรดศรีราชา ผลใหญ่ เนื้อฉ่ำสีเหลืองอ่อน), พันธุ์อินทรชิต (หรือพันธุ์พื้นเมือง), พันธุ์ภูเก็ต (ผลเล็กเปลือกหนา เนื้อสีเหลือง หวานกรอบ), พันธุ์นางแล (พันธุ์น้ำผึ้ง เนื้อจะเข้มเหลือง รสออกหวานจัด) เป็นต้น
สับปะรด จัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่ง โดยประโยชน์ของสับปะรดนั้นมีอยู่หลากหลาย เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆจำนวนมาก ซึ่งได้แก่ คาร์โบไฮเดรต วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 กรดโฟลิก ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุแมงกานีส ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพเราเป็นอย่างมาก และสรรพคุณสับปะรดทางสมุนไพรนั้น ก็ชวยรักษาอาการต่าง ๆได้อย่างหลากหลายเช่นกัน เช่น โรคบิด โรคนิ่ว ช่วยบรรเทาอาการแผล เป็นหนอง ขับปัสสาวะ เป็นต้น









3.วัสดุอุปกรณ์ในการทำน้ำยาถูพื้น
3.1สารชำระล้าง N70            1กิโลกรัม
        3.2   เกลือป่น                           1กิโลกรัม
        3.3   น้ำต้มผลไม้                      5            ลิตร
        3.4   น้ำเปล่า                            10           ลิตร
        3.5   กะละมังก้นเรียบ               1            ใบ
        3.6   ไม้พาย                              1-2         อัน


4.สูตรการทำน้ำยาถูพื้นหรือน้ำยาเอนกประสงค์
1. กวน N70 จากสถานะเหลวสีใสให้ข้นกลายเป็นสีขาวขุ่น
2. หลังจาก N70 ถูกกวนให้ข้นเป็นสีขาวขุ่นแล้ว ใส่เกลือเข้าไปประมาณ 0.5 kg แล้วกวนให้เป็นเนื้อ           เดียวกัน              
  3. ค่อยๆ เติมน้ำหมักแล้วคน (เบาๆ) ให้เป็นเนื้อเดียวกัน
 4. ค่อยๆ เติมน้ำเปล่าแล้วคน (เบาๆ) ให้เป็นเนื้อเดียวกัน
 5. ค่อยๆ คน (เบาๆ) ไปทางเดียวกันให้ส่วนผสมทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน
6. ค่อยๆ เติมน้ำและน้ำหมักทีละน้อย แล้วค่อยๆ คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน รักษาความหนืดไว้ ถ้าความหนืดลดลงให้เติมเกลือ
7. หลังจากที่เติมน้ำและน้ำหมักจนหมดแล้วให้คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน ค่อยๆ เติมเกลือรักษาความหนืดให้พอเหมาะ เมื่อได้ความหนืดพอเหมาะแล้วให้หยุดเติมเกลือทันที (ข้อควรระวัง ไม่ควรใส่เกลือมากเกินไป เพราะจะทำให้ความหนืดคืนตัว) หลังจากนั้นตั้งพักไว้อย่างน้อย 24 ชม. ให้ฟองยุบตัวแล้วกรอกใส่ขวดเพื่อนำไปใช้งานต่อไป



5. สมุนไพรที่ไม่ทำอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
5.1 มะกรูด
มะกรูดเป็นสมุนไพรที่นิยมใช้กันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ ไม่ว่าจะนำมาใช้ในการทำอาหาร ช่วยบำรุงสุขภาพเสริมความงาม หรือแม้แต่นำมาปลูกเพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนี้มะกรูดยังมีประโยชน์และสรรพคุณดี ๆ อีกมากมายที่ไม่ควรมองข้าม เรามาทำความรู้จักกับเจ้าพืชสมุนไพรผิวขุรขระชนิดนี้กันให้ดีขึ้นกว่าเดิมดีกว่าค่ะ พร้อมแล้วไปดูกันเลย

          มะกรูด หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Kaffir lime, Leech lime, Mauritius papedaมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrus x hystrix L. นอกจากนี้ในประเทศไทยยังมีชื่ออีกหลากหลายชื่อ อาทิเช่น มะขู (แม่ฮ่องสอน), มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ), ส้มกรูด ส้มมั่วผี (ภาคใต้) เป็นต้น เป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูล ส้ม (Citrus) โดยมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ลาว มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

          ลักษณะของมะกรูดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เนื้อไม้แข็ง ลำต้นและกิ่งมีหนามยาวเล็กน้อย ใบเป็นใบประกอบชนิดลดรูป มีใบย่อย 1 ใบ เรียงสลับ รูปไข่ คือมีลักษณะคล้ายกับใบไม้ 2 ใบ ต่อกันอยู่ คอดกิ่วที่กลางใบเป็นตอนๆ มีก้านแผ่ออกใหญ่เท่ากับแผ่นใบ ทำให้เห็นใบเป็น 2 ตอน กว้าง 2.5-4 เซนติเมตร ยาว 4-7 เซ๋นติเมตร ใบสีเขียวแก่พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยง เป็นมัน ค่อนข้างหนา มีกลิ่นหอมมากเพราะมีต่อมน้ำมันอยู่ ซึ่งผลแบบนี้เรียกว่า ผลแบบส้ม (hesperitium) ใบด้านบนสีเข้ม ใต้ใบสีอ่อน ดอกออกเป็นกระจุก 3 – 5 ดอก กลีบดอกสีขาว เกสรสีเหลือง ร่วงง่าย มีกลิ่นหอม มีผลสีเขียวเข้มคล้ายมะนาวผิวเปลือกนอกขรุขระ ขั้วหัวท้ายของผลเป็นจุก ผลอ่อนมีเป็นสีเขียวแก่ เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด พันธุ์ที่มีผลเล็ก ผิวจะขรุขระน้อยกว่าและไม่มีจุกที่ขั้ว ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก ๆ
ในมะกรูดมีน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก มีกลิ่นฉุน จึงสามารถนำไปใช้ไล่แมลงบางชนิดได้ เช่น มอดและมดที่อยู่ในข้าวสาร ด้วยการใช้ใบมะกรูดสด ๆ ฉีกใบเป็น 2 ส่วน ให้กลิ่นออก แล้วใส่ไว้ในถังข้าวสารก็จะทำให้มอดและมดไม่ขึ้นข้าวสาร แล้วถ้าหากถูกปลิงกัดละก็ให้นำมะกรูดมาลงตรงบริเวณที่มีปลิงเกาะจะทำให้ปลิงหลุดออกมาเอง นอกจากนี้มะกรูดสามารถใช้ในการไล่ยุงและกำจัดลูกน้ำโดยนำเปลือกมาตากแห้งแล้วนำไปเผาไฟก็จะสามารถไล่ยุงได้  

          ในปัจจุบัน มีการนำมะกรูดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงและแมลงต่าง ๆ ซึงในการเกษตรก็ได้มีการนำน้ำมันหอมระเหยมะกรูดมาผลิตในรูปของแคปซูลเพื่อใช้ไล่แมลงและหนอนสำหรับเกษตรกร โดยนำไปโปรยยังบริเวณที่ต้องการไล่แมลง แล้วน้ำมันจะค่อย ๆ ซึมออกจากแคปซูล วิธีการนี้ทำให้เกษตรกรใช้สารเคมีลดลงเป็นผลให้พืชผลทางการเกษตรปลอดสารเคมีมากขึ้้นอีกด้วยค่ะ

       มะกรูดช่วยบำรุงผมให้เงางาม แก้อาการผมร่วง โดยการนำมะกรูดผ่าครึ่ง มาชโลมบนศีรษะหลังสระผมเสร็จทิ้้งไว้ซักพักแล้วล้างออก ก็จะช่วยทำให้ผมดำเงางามและลดผมร่วงได้ หรือจะนำน้ำมะกรูดมาหมักผมทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ก็สามารถช่วงล้างสารพิษต่างๆ ที่มาจากสภาพแวดล้อมได้ 

มะกรูดสามารถดับกลิ่นต่าง ๆ อย่างเช่นกลิ่นคาวของอาหารคาวหาน หรือจะเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของเท้าโดยการนำมาผสมกับขิง ข่า และเกลือในปริมาณเท่า ๆ กัน ต้มให้น้ำอุ่นแล้วแช่เท้าลงไปประมาณ 15 นาที ก็จะช่วยลดกลิ่นอับที่เท้าและช่วยคลายความเมื่อยล้าได้ มะกรูดสามารถนำมาใช้ดูดกลิ่นที่มาจากรองเท้าหรือกลิ่นที่อยู่ตู้รองเท้าได้ ด้วยการใช้ผิวมะกรูด ตะไคร้หอม ถ่านป่น และสารส้ม มาใส่ถุงที่ทำจากผ้าขาวบาง เอาไปใส่ไว้ในตู้รองเท้าหรือในรองเท้า จะทำให้กลิ่นต่าง ๆ หายไป 

5.2 สับปะรด
 สับปะรดมีวิตามินซีที่จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยในการย่อยอาหาร ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง ฯลฯ สับปะรด เป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ในบ้านเราตลอดทั้งปี มีประโยชน์ต่อสุขภาพจนไม่ควรมองข้าม เรามาทำความรู้จักความดีของสับปะรดกันดีกว่าค่ะ

      
 1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้น ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินซีช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อ และต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้น จึงเป็นการเพิ่มแรงต้านโรคให้แก่ร่างกาย แต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก
      
 2. ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารมาก ซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
      
 3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ ที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้สารแอนตี้ออกซิแดนต์ ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
      
 4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ และลดการสูบบุหรี่ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม เพราะสับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการก่อมะเร็ง และจากการศึกษาพบว่า เอนไซม์ Bromelainในสับปะรดจะช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งรังไข่

6.ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำผลิตภัณฑ์
           6.1 ได้น้ำยาถูพื้นที่มีประสิทธิภาพ
            6.2  สามารถลดรายจ่ายในครัวเรือนได้
            6.3  สามารถเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงได้
            6.4  สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายเช่น ถูบ้าน ล้างจาน














บทที่ 3
วิธีดำเนินการ
 ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ทำการศึกษาเรื่อง การทำน้ำยาถูพื้นหรือน้ำยาอเนกประสงค์จากน้ำหมักผลไม้
ซึ่งมีวิธีการดังนี้
ระเบียบที่ใช้ในการศึกษา
ในการศึกษาครั้งนี้ใช้รูปแบบการทดลอง สืบค้นข้อมูล จากหนังสือ อินเตอร์เน็ต
ประชากรที่ใช้ในการศึกษา
1.            ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี ภาคเรียนที่ 2ปีการศึกษา 2559 จำนาวน 1 ห้องเรียน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4 คน
2.            ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559
วิธีการดำเนินการศึกษา
ผู้ศึกษาได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1.             กำหนดเรื่องที่จะศึกษา โดยสมาชิกทั้ง 4 คนประชุมร่วมกันคิด จะจะศึกษาเรื่องใด
2.             สำรวจปัญหาที่พบ
3.             เลือกเรื่องที่จะศึกษา โดยเลือกเรื่องที่สมาชิกมีความสนใจมากที่สุด เพื่อนเป็นแรงจูงใจในการค้นหาคำตอบ
4.             ศึกษาแนวคิดในการแก้ปัญหา
5.             ตั้งชื่อเรื่อง
6.             สมาชิกทั้ง 4 คนของกลุ่ม พบครูผู้สอนเพื่อปรึกษา วางแผนและรับฟังความคิดเห็น เพื่อปรับปรุงแก้ไข
7.             เขียนความสำคัญความเป็นมาของปัญหา วัตถุประสงค์ ขอบเขตการวิจัยและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ โดยศึกษาข้อมูล จากหนังสือหรืออินเตอร์เน็ต และจดบันทึกในโครงร่างรายงานเชิงวิชาการ
8.             สร้างแบบสอบถาม จำนวน 10 แบบสอบถาม
9.             รวบรวมข้อมูล
10.       วิเคราะห์ข้อมูล
11.      สรุปการศึกษา

วัสดุอุปกรณ์
1.              N70                                                         1 กิโลกรัม
2.              เกลือป่น                                                  1 กิโลกรัม
3.              น้ำหมักผลไม้ (ที่ต้องการ)                      5 ลิตร
4.              น้ำเปล่า                                                   10 ลิตร
5.              ถัง (ใช้ผสมส่วนผสม)                             1 ใบ
6.              ไม้พาย (ใช้คนส่วนผสมให้เข้ากัน)          1 อัน
วิธีทำ
1. กวน N70 จากสถานะของเหลวสีใสให้กลายเป็นลักษณะข้นและมีสีขาวขุ่น
2.หลังจาก N70 ถูกกวนให้ข้นเป็นสีขาวขุ่นแล้ว ใส่เกลือเข้าไปประมาณ 0.5 kg แล้วกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
3. ค่อยๆเติมน้ำหมักแล้วคน (เบาๆ) ให้เข้ากัน
4.ค่อยๆเติมน้ำเปล่าแล้วคน (เบาๆ) ให้เข้ากัน
5. ค่อยๆคนเบาๆไปในทางเดียวกันให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
6.ลดลงให้เติมเกลือค่อยๆ เติมน้ำและน้ำหมักทีละน้อย แล้วค่อยๆ คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน รักษาความหนืดไว้ ถ้าความหนืด
7.หลังจากที่เติมน้ำและน้ำหมักจนหมดแล้วให้คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน ค่อยๆ เติมเกลือรักษาความหนืดให้พอเหมาะ เมื่อได้ความหนืดพอเหมาะแล้วให้หยุดเติมเกลือทันที (ข้อควรระวัง ไม่ควรใส่เกลือมากเกินไป เพราะจะทำให้ความหนืดคืนตัว) หลังจากนั้นตั้งพักไว้อย่างน้อย 24 ชม. ให้ฟองยุบตัวแล้วกรอกใส่ขวดเพื่อนำไปใช้งานต่อไป



    ขั้นตอนวิธีการดำเนินการศึกษา             

  


 




















 






















เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ แบบสอบถาม 10 ฉบับ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1.             ออกแบบสอบถาเรื่อง   ความพึงพอใจเกี่ยวกับน้ำยาอเนกประสงค์  โดยขอคำแนะนำจากคุณครู รัตนานวีภาพ โดยเตรียมร่างข้อคำถาม มีลักษณะเป็นข้อคำถาม จำนวน  10     ข้อ เป็นแบบ มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือ
5        หมายถึง      เห็นด้วยมากที่สุด
4        หมายถึง      เห็นด้วยมากที่สุด
3         หมายถึง      เห็นด้วยมากที่สุด
 2          หมายถึง      เห็นด้วยมากที่สุด
                                    1         หมายถึง      เห็นด้วยมากที่สุด
การพิจารณาค่าเฉลี่ย จะใช้เกณฑ์  ดังนี้
ค่าเฉลี่ย
4.51- 5.00          หมายถึง         เห็นด้วยมากที่สุด
ค่าเฉลี่ย 3 .51- 4.50         หมายถึง         เห็นด้วยมาก
ค่าเฉลี่ย 2.51-  3.50           หมายถึง         เห็นด้วยปานกลาง
ค่าเฉลี่ย 1.51- 2.50         หมายถึง         เห็นด้วยน้อย
ค่าเฉลี่ย 1.00- 1.50           หมายถึง         เห็นด้วยน้อยที่สุด
2.             สร้างแบบสอบถามเรื่อง ความพึงพอใจเกี่ยวกับน้ำยาอเนกประสงค์  โดยขอคำแนะนำจากคุณครูรัตนา  นวีภาพ จากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไข แล้วนำไปตรวจสอบความเหมาะสม
3.             นำแบบสอบถามเรื่อง ความพึงพอใจเกี่ยวกับน้ำยาอเนกประสงค์  ที่แก้ไขปรับปรุงแล้วให้กลุ่มตัวอย่างประเมิน จากนั้นนำผลที่ได้มาหาค่าเฉลี่ย
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การศึกษาครั้งนี้ได้ดำเนินการโดยนำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างตอบจำนวน 10 คน และเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักเรียน ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง โดยผู้ศึกษาทั้ง 4 คนดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง
การวิเคราะห์ข้อมูล
                                       ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
1.             นำแบบสอบถามทั้งหมดที่ตอบโดยนักเรียนกลุ่มตัวอย่างมาหาค่าคะแนนรวม
2.             นำผลรวมมาคิดค่าร้อยละ
สถิติที่ใช้ในการศึกษา
สถิติที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ การหาค่าเฉลี่ยคิดเป็น ร้อยละ













บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
           
การวิเคราะห์ข้อมูล การทำน้ำยาถูพื้นจากมะกรูดและสับประรด  ของนักเรียน ระดับชั้น ม.2/4 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรีไดผลดังนี้

รายการประเมิน
ผลการประเมิน
1. ทำความสะอาดได้สะอาด
7  คน
2. ทำความสะอาดได้ไม่สะอาด
 3   คน

                จากตาราง พบว่า นักเรียนได้ประเมินการทดลองใช้น้ำยาถูพื้นจากมะกรูดและสับปะรดแล้ว ได้ข้อสรุปว่า นักเรียนใหญ่พึงพอใจกับน้ำยาถูพื้น ที่ทำความสะอาดได้ดี ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และมีกลิ่นหอมน่าใช้








บทที่ 5
สรุปผล อภิปราย และข้อเสนอแนะ
           
จากการศึกษาครั้งนี้ เพื่อ พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพขิงน้ำยาถูพื้น และ ประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี ในภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา  2558 ซึ่งสามารถ สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ได้ดังนี้
สรุปผลการศึกษา
         
นักเรียนส่วนใหญ่พึงพอใจกับการได้ทดลองใช้น้ำยาถูพื้นจากมะกรูดและสับปะรดแล้ว ผลการทดลองอยู่ในระดับ ดี และน้ำยาถูพื้นของเราสามารถทำความสะอาดได้ดี

การอภิปราย
ผลจากการศึกษาเรื่องน้ำยาถูพื้นจากมะกรูดและสับปะรด ของนักเรียนระดับชั้น ม.2/4
โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรีผลการศึกษาพบว่ามะกรูดและสับปะรด ที่ได้ทดลองผลออกมาเมื่อทดสอบแล้วกลิ่นหอม สามารถทำความสะอาดได้ดีไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องมาจากกลิ่นของมะกรูดและสับปะรดมีกลิ่นหอมจึงทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ ชอบน้ำยาถูพื้นจากมะกรูดและสับปะรด เพราะมีกลิ่นที่หอม และสามารถทำความสะอาดได้ดี

ข้อเสนอแนะ
1.ผลการศึกษาพบว่าควรจะมีการใช้วัตถุดิบหรือส่วนผสมที่มากขึ้นมีการนำสมุนไพรชนิดอื่นมาใช้ทำในการ-ทดลอง และควรพัฒนาต่อยอดของโครงงานให้สามารถเป็นผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์
               




ภาคผนวก